การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง มีความจำเป็นต้องปิดเบี่ยงจราจรบนถนนศรีนครินทร์ ตั้งแต่บริเวณแยกศรีกรีฑา ถึงบริเวณมูลนิธิชิน โสภณพนิช โดยจะดำเนินการปิดช่องทางขวา (ชิดเกาะกลาง) 1 ช่องทาง ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2561 เวลา 22.00 น. เป็นต้นไป เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง
และมีความจำเป็นต้องปิดเบี่ยงจราจรบนถนนศรีนครินทร์ บริเวณซอยศรีด่าน 18 ถึงบริเวณซอยศรีด่าน 2 ฝั่งขาเข้าและขาออก ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2561 เวลา 22.00 น. เป็นต้นไป เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง โดยจะดำเนินการ ดังนี้
ตั้งแต่บริเวณซอยศรีด่าน 18 ถึงบริเวณซอยศรีด่าน 4 จะปิดเบี่ยงช่องจราจร 1 ช่องทางขวา (ชิดเกาะกลาง) ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก ตลอด 24 ชั่วโมงตั้งแต่บริเวณซอยศรีด่าน 4 ถึงบริเวณซอยศรีด่าน 2 จะปิดเบี่ยงช่องจราจร 1 ช่องทางขวา (ชิดเกาะกลาง) ฝั่งขาออก
• ตั้งแต่บริเวณซอยศรีด่าน 18 ถึงบริเวณซอยศรีด่าน 2 จะปิดเบี่ยงจราจรช่องทางขวา ฝั่งขาออก เพิ่มอีก 1 ช่องทาง ในเวลา 22.00 – 04.00 น. เพื่อขนย้ายเครื่องจักรหนักเข้าพื้นที่ดำเนินงาน
นอกจากนี้ ในส่วนของก่อสร้างโครงสร้างทางวิ่งยกระดับ สัญญาที่ 4 ช่วงคลองบ้านม้า-สุวินทวงศ์ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีความจำเป็นต้องเบี่ยงการจราจรบนถนนรามคำแหง เพื่อดำเนินการรื้อย้ายสะพานลอยในวันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม 2561 เวลา 22.00 – 05.00 น. บริเวณ ดังนี้
1.เบี่ยงจราจรถนนรามคำแหงฝั่งขาเข้าบริเวณ ซอยรามคำแหง 142 ถึง ซอยรามคำแหง 144 (ทุกช่องจราจร) ทั้งนี้ผู้ใช้เส้นทางยังคงสัญจรได้โดยจะทำการเปิดช่องเบี่ยงให้ไปใช้ฝั่งขาออก (ทำทีละฝั่ง)
2.ถนนรามคำแหงฝั่งขาออกเบี่ยงจราจรบริเวณ ซอยรามคำแหง 153 ถึง ซอยรามคำแหง 157 (ทุกช่องจราจร) ทั้งนี้ผู้ใช้เส้นทางยังคงสัญจรได้โดยจะทำการเปิดช่องเบี่ยงให้ไปใช้ฝั่งขาเข้า (ทำทีละฝั่ง)
ทั้งนี้ การเบี่ยงจราจรเพื่อดำเนินการก่อสร้างในช่วงวันเวลาดังกล่าว อาจทำให้ผู้ใช้เส้นทางไม่ได้รับความสะดวกและอาจมีเสียงดังรบกวนในช่วงที่มีการดำเนินการก่อสร้าง รฟม. ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้
อ่านต่อได้ที่; http://www.banmuang.co.th/news/economy/118591