พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้ทุกภาคส่วน เร่งเดินหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรล สายสีชมพู – เหลือง เตรียมเปิดให้บริการสายทางใหม่ปี 2564

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้ทุกภาคส่วน เร่งเดินหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรล สายสีชมพู –  เหลือง เตรียมเปิดให้บริการสายทางใหม่ปี 2564

 

วันนี้ (27 สิงหาคม 2561) เวลา 09.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเริ่มการก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลสองสายแรกของประเทศไทย (โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย –  มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง) โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พลเอกวิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง           ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย          นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ   นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และนายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ร่วมให้การต้อนรับ ณ บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง หมวดทางหลวงศรีนครินทร์ ถนนศรีนครินทร์ แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีนโยบายผลักดันโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ให้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ซึ่งได้กำหนดให้อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ของรัฐบาล ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและขนส่ง เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑลให้ทั่วถึงกัน เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ เป็นโครงการที่รัฐบาลให้ความสนใจ เร่งรัด ติดตามความก้าวหน้า เพื่อให้ทั้งสองโครงการเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อหวังบรรเทาปัญหาการจราจรอย่างเร่งด่วน

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ทำพิธีกดปุ่ม เพื่อเทคอนกรีตลงสู่ฐานราก ถือเป็นสัญลักษณ์เริ่มการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสองสายแรกของประเทศไทย (โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง) อย่างเต็มรูปแบบ

ทั้งนี้ รถไฟฟ้าทั้งสองสาย เป็นโครงการนำร่องภายใต้นโยบาย PPP Fast Track ของรัฐบาล ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานโครงการฯ ให้มีความรวดเร็ว รวมทั้งเปิดโอกาสให้เอกชนได้เข้าร่วมลงทุนในโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ต่างๆ ร่วมกับภาครัฐ เพื่อลดภาระด้านงบประมาณและหนี้สาธารณะของประเทศ โดย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ลงนามสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ กับ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ กับ บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) ซึ่งกำหนดให้ภาครัฐเป็นผู้ลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และภาคเอกชนลงทุนค่างานโยธา ค่างานระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้า ค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการ รวมทั้งบริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการ โดยให้เอกชนร่วมลงทุนรวมเป็นเวลา 33 ปี 3 เดือน และแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 งานออกแบบและก่อสร้างงานโยธา พร้อมติดตั้งระบบและขบวนรถไฟฟ้า ระยะเวลา 3 ปี 3 เดือน และ ระยะที่ 2 งานให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา ระยะเวลา 30 ปี โดยให้เอกชนเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสารและรับความเสี่ยงด้านจำนวนผู้โดยสารของโครงการ

ปัจจุบันการดำเนินงานระยะที่ 1 ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ มีความก้าวหน้าการก่อสร้างงานโยธาร้อยละ 3.10 (ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2561) ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ มีความก้าวหน้าการก่อสร้างงานโยธาร้อยละ 5.07 (ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2561) โดย รฟม. มั่นใจว่าจะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จ และทดลองระบบต่างๆ พร้อมเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปี 2564 ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้าแบบ Heavy Rail หรือ ระบบขนส่งมวลชนหลัก ที่ต้องใช้ระยะเวลาก่อสร้างไม่น้อยกว่า 6 ปี ทั้งนี้ รถไฟฟ้าโมโนเรลทั้งสองสายจะช่วยเติมเต็มโครงข่ายการคมนาคมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สามารถติดตามรายละเอียดและข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ รฟม. www.mrta.co.th และเฟซบุ๊กแฟนเพจการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ Call Center รฟม. โทร. 0 2716 4044

——————————————–

 

กองสื่อสารองค์กร สำนักผู้ว่าการ

โทร. 0 2716 4000 ต่อ 1720

โทรสาร 0 2716 4019

Email : pr@mrta.co.t

ผู้ว่าการฯ รฟม. ตรวจความพร้อม

วันที่ 23 สิงหาคม 2561 นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ  ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร รฟม. เดินทางไปตรวจความพร้อม ในการเตรียมงาน พิธีเริ่มการก่อสร้างรถไฟฟ้า Monorail สองสายแรกของไทย (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี)  ณ หมวดทางหลวงศรีนครินทร์ ซึ่งในอนาคตสถานที่แห่งนี้จะสร้างเป็นอาคาร จอดแล้วจร ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง

จัดรถเมล์พิเศษแก้รถติดลาดพร้าว

พล.ต.ต.เอกลักษณ์ ลิ้มสังกาศ ผบก.ส.3 รองคณะทำงานติดตามผลบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล กล่าวว่า วันที่ 23 ส.ค.นี้  ที่ ขสมก. จะมีการประชุมคณะทำงานฯ มี พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผบช. สยศ.ตร. เป็นประธาน เพื่อติดตามการเตรียมความพร้อมการเดินรถเมล์พิเศษ 3 เส้นทาง เพื่อรองรับ
การเดินทางระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง การก่อสร้างสะพานคนเดินข้ามหน้าสถานีขนส่งหมอชิต 2 และการแก้ไขปัญหาจุดเชื่อมต่อทางขึ้น-ลงทางด่วน
ทั้งนี้ ขสมก. เตรียมจัดเส้นทางเดินรถเมล์พิเศษ 3 เส้นทาง ได้แก่

1.สาย 168 ตลาดมีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยฯ เที่ยวไป เริ่มจากตลาดมีนบุรี ผ่าน ถนนสีหบุรานุกิจ เข้าถนนร่มเกล้า รามคำแหง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนมอเตอร์เวย์ สาย 9 ผ่านด่านทับช้าง เข้าถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 ขึ้นทางด่วน ผ่านด่านศรีนครินทร์ อโศก 4 ลงถนนพหลโยธิน เลี้ยวเข้าอนุสาวรีย์ชัยฯ ส่วนเที่ยวกลับ จากอนุสาวรีย์ชัยฯ เข้าถนนราชวิถี ดินแดง พระราม 9 ขึ้นทางด่วนที่ด่านพระราม 9 ไปออกถนนมอเตอร์เวย์ ผ่านด่านทับช้างถนนรามคำแหง ร่มเกล้า สิ้นสุดตลาดมีนบุรี
2.สาย 145 แพรกษา-หมอชิต 2 เที่ยวไป จากถนนบางปู ผ่านถนนแพรกษา ถนนสายลวด เข้าถนนสุขุมวิท ไปออกถนนศรีนครินทร์ เข้าถนนพระราม 9 ขึ้นทางด่วนศรีรัช ลงถนนเลียบด่วนรามอินทราฯ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดพร้าว ตรงไปเข้าถนนพหลโยธิน กำแพงเพชร 2 สิ้นสุดหมอชิต 2 เที่ยวกลับ จากหมอชิต 2 ผ่านกำแพงเพชร พหลโยธิน เข้าถนนลาดพร้าว เลี้ยวซ้ายไปกลับรถเข้าถนนเลียบด่วนรามอินทราฯ ขึ้นทางด่วนไปลงถนนศรีนครินทร์ เลี้ยวขวาเข้าถนนสุขุมวิท ผ่านสายลวด แพรกษา สิ้นสุดถนนบางปู

3. สาย 32 อู่ท่าอิฐ-วัดโพธิ์ เที่ยวไป จากท่าอิฐ ผ่านถนนราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ สะพานพระราม 4 ปากเกร็ด ขึ้นด่วนแจ้งวัฒนะ ลงงามวงศ์วาน ผ่านแคราย เข้าติวานนท์ ไปตามเส้นทาง ปกติ สิ้นสุดวัดโพธิ์ เที่ยวกลับ จากวัดโพธิ์ผ่านถนนท้ายวัง มหาราช ถนนพระจันทร์ หน้าพระธาตุ ราชินี พระอาทิตย์ บางลำพู เข้าถนนสามเสน ประชาราษฎร์ ท่าน้ำนนท์ แยกแคราย ขึ้นด่วนงามวงศ์วาน ไปลงด่วนแจ้งวัฒนะ สิ้นสุดที่ปากเกร็ด
ด้านนายดำเกิง ปานขำ รองผู้ว่าการฝ่ายปฏิบัติการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า เมื่อเช้าวันที่ 22 ส.ค. กทพ.เริ่มเปิดใช้ช่องทางพิเศษ บนทางพิเศษฉลองรัช หรือทางด่วนสายรามอินทรา-อาจณรงค์ ช่วงเข้าฝั่งขาออก 1 ช่องทาง ระยะทาง 5.7 กม. ปรากฏว่า การจราจร บนทางด่วนในช่องทางหลัก ฝั่งขาเข้า และช่องทางพิเศษฝั่งขาออก การจราจรคล่องตัว เฉพาะช่วง 5.7 กม. ใช้เวลาเดินทาง 5 นาที จากเดิม 10-15 นาที ทำให้ถนนพื้นราบก่อนถึงแยกถนนพระราม 9 ตัดเอกมัย รับและระบายรถไปอโศก-ดินแดงไม่ทัน มีท้ายแถวสะสมย้อนขึ้นมาบนทางด่วน ทางตำรวจ จราจรรับทราบปัญหาแล้วอยู่ระหว่างปรับจังหวะสัญญาณไฟให้สอดคล้องกับปริมาณรถ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :https://www.thairath.co.th/content/1360290

คาดว่าการจราจรในวันถัดไปจะดีขึ้น

ปันความรู้สู่โรงเรียนกับ รฟม.

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2561 โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ได้จัดกิจกรรม “ปันความรู้สู่โรงเรียน กับ รฟม.” กับโรงเรียนถนอมพิศวิทยา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณซอยลาดพร้าว 62  โดยมีนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กว่า 200 คน ร่วมกิจกรรม และเล่นเกมส์ต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว – สำโรง

ผู้บริหาร PCYL แสดงความยินดีและมอบเงินบริจาค

คณะผู้บริหาร PCYL  โดย Mr. Cristian Schulz Project Manager และ คุณโสฬส เตมียบุตร ผู้จัดการโครงการ ร่วมแสดงความยินดีและมอบเงินบริจาคเพื่อร่วมสมทบทุนใน “ศิริราชมูลนิธิ”เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันก่อตั้ง รฟม. ครบรอบ 26 ปี เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2561

รฟม. แจ้งปิดเบี่ยงจราจรบนถนนลาดพร้าว ตั้งแต่เชิงสะพานข้ามคลองบางซื่อ ถึง เชิงสะพานข้ามคลองลาดพร้าว เพื่อดำเนินการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2561 เป็นต้นไป ตลอด 24 ชั่วโมง

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง มีความจำเป็นต้องปิดเบี่ยงจราจรบนถนนลาดพร้าว ตั้งแต่บริเวณเชิงสะพานข้ามคลองบางซื่อ (ลาดพร้าว ซอย 43) ถึง          เชิงสะพานข้ามคลองลาดพร้าว (ลาดพร้าว ซอย 45/1) เพื่อดำเนินการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค โดยจะปิดช่องจราจร 1 ช่องทางขวา (ชิดเกาะกลาง) ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก ระยะทางประมาณ 350 เมตร ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2561 เวลา 22.00 น. เป็นต้นไป

ทั้งนี้ การปิดเบี่ยงจราจรเพื่อดำเนินการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ อาจทำให้ผู้ใช้เส้นทางไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง และการดำเนินงานอาจมีเสียงดังรบกวน ดังนั้น หากไม่มีความจำเป็นโปรดหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว รฟม. ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ โดยผู้ใช้เส้นทางสามารถ              สอบถามรายละเอียดการเบี่ยงจราจร ได้ที่เบอร์โทร 0 2610 4915 และ 09 8257 5555

———————————————————————————-

 

กองสื่อสารองค์กร สำนักผู้ว่าการ

โทร 0 2716 4000 ต่อ 1720

โทรสาร 0 2716 4019

Email : pr@mrta.co.th

 

 

รฟม. แจ้งปดิเบยี่งจราจรบนถนนลาดพรา้ว ตั้งแต่เชิงสะพานขา้ม คลองบางซื่อ ถึง เชิงสะพานข้ามคลองลาดพรา้ว เพื่อรื้อย้าย สาธารณูปโภค โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ตั้งแต่วนัที่ 20 สิงหาคม 2561 เป็นต้นไป ตลอด 24 ชั่วโมง

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า บริษัท ซิ โน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จ ากัด (มหาชน) ผู้รับจ้างก่อสร้างงาน โยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – ส าโรง มีความจ าเป็นต้อง ปิดเบี่ยงจราจรบนถนนลาดพร้าว ตั้งแต่บริเวณเชิงสะพานข้ามคลองบางซื่อ (ลาดพร้าว ซอย 43) ถึง เชิงสะพานข้ามคลองลาดพร้าว (ลาดพร้าว ซอย 45/1) เพื่อด าเนินการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค โดยจะปิดช่องจราจร 1 ช่องทางขวา (ชิดเกาะกลาง) ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก ระยะทางประมาณ 350 เมตร ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2561 เวลา 22.00 น. เป็นต้น ไป ทั้งนี้ การปิดเบี่ยงจราจรเพื่อด าเนินการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค โครงการ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ อาจท าให้ผู้ใช้เส้นทางไม่ได้รับความสะดวกในการ เดินทาง และการด าเนินงานอาจมีเสียงดังรบกวน ดังนั้น หากไม่มีความจ าเป็น โปรดหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว รฟม. ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ โดยผู้ใช้ เส้นทางสามารถ สอบถามรายละเอียดการเบี่ยงจราจร ได้ที่เบอร์โทร 0 2610 4915 และ 09 8257 5555

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ :  https://www.dailynews.co.th/economic/660430

กทม.จับมือตำรวจแก้รถติดลาดพร้าว ตามคำสั่ง “ประวิตร”-ทุบเกาะรัชดา 32 ขยายทางลัดขยับ 21 ป้ายรถเมล์

ที่ศาลาว่าการ กทม. เมื่อวันที่ 9 ส.ค. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ได้เชิญผู้แทนหน่วยงาน อาทิ กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) สำนักการโยธา (สนย.) สำนักเทศกิจ (สทก.) ร่วมประชุม เพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ ในระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้า  พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ สุริวงศ์ ผบก.จร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขอให้ บก.จร.สำรวจพื้นที่ถนนทั่วกรุงเทพฯ พื้นที่ทางเลี่ยง ทางหลัก และเส้นทางที่จำเป็นต้องปรับปรุงกายภาพ เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ โดยให้รายงานกลับมายัง กทม.ภายใน
7 วัน เพื่อพิจารณาผลสำรวจและวางแผนแก้ไขปัญหาร่วมกัน ทั้งนี้ กทม.จะเป็นหน่วยงานหลักในการสนับสนุนการปรับปรุงกายภาพถนน และการจัดทำป้ายบอกเส้นทางลัด เส้นทางเลี่ยง เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการเดินทาง

สำหรับการแก้ไขปัญหาการจราจรบริเวณโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่ถนนลาดพร้าว ซึ่ง บก.จร.เสนอให้ปาดเกาะกลางถนนบริเวณหน้าห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว และหน้าซอย รัชดาฯ 32 ซึ่งผู้ว่าฯ กทม.เห็นด้วย และพร้อมสนับสนุนการดำเนินงาน คาดว่าจะสามารถเริ่มทุบเกาะกลางถนนหน้าซอยรัชดาฯ 32 ได้ในวันที่ 11 ส.ค.นี้ เน้นการทำงานช่วงกลางคืนจะแล้วเสร็จประมาณวันที่ 14 ส.ค. นอกจากนี้ บก.จร.ขอให้ปรับจุดจอดรถประจำทางในถนนลาดพร้าวจำนวน 21 จุด ที่ส่งผลให้การจราจรในพื้นที่ชะลอตัว โดยจุดที่ปรับนั้นจะทำเป็นที่พักรอรถประจำทางชั่วคราวและจะปรับห่างจากจุดเดิมไม่มากนัก เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเดินทางประชาชน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการแก้ไขในเบื้องต้นนี้ จะช่วยบรรเทาการจราจรได้ดีขึ้น
พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 (รอง ผบก.น.4) เปิดเผยว่า การแก้ปัญหาการจราจรบริเวณถนนลาดพร้าว เบื้องต้นจะแก้ไขกายภายถนน คือทุบเกาะกลางถนนหน้าซอยรัชดาภิเษก 32 เขตจตุจักร เพื่อแบ่งเบารถมาจากถนนรัชดาภิเษก, พระราม 9 ที่จะเข้าถนนลาดพร้าว โดยรถสามารถวิ่งตรงข้ามแยกรัชดา-ลาดพร้าว แล้วมาเลี้ยวบริเวณที่ทุบเกาะกลางออก เพื่อเข้าซอยรัชดาฯ 32 เป็นเพิ่มทางเลือก ซึ่งซอยรัชดาฯ 32 หรือซอยภาวนา  สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสายอื่นๆ ได้หลายเส้นทาง เช่น ถ.ลาดพร้าววังหิน, ประดิษฐ์– มนูธรรม, ลาดพร้าว 71, ซอยภาวนา, โชคชัย 4, เกษตรนวมินทร์ เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ บริเวณที่มีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าครั้งนี้ สืบเนื่องจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ กทม.ตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาจราจร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อบรรเทาปัญหาจากก่อสร้างโครงการต่างๆในพื้นที่กรุงเทพฯที่ส่งผลกระทบต่อการจราจร โดย กทม.จะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหา เช่น การทำจุดกลับรถ ทำป้ายจราจรแนะนำเส้นทางเลี่ยง เส้นทางลัด เพื่อเชื่อมไปยังถนนอื่น ๆ เป็นต้น.
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.thairath.co.th/content/1351850

การตรวจสอบความปลอดภัยในบริเวณเขตก่อสร้าง ครั้งที่ 1

      นายณัฐชัย ชาญก้องสกุล หัวหน้าฝ่ายอาชีวอนามัยและความปลอดภัย รฟม. พร้อมด้วยที่ปรึกษาPCYL ด้านความปลอดภัย ผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยEBM  และผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัย STECON  พร้อมทีมงาน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความปลอดภัยในบริเวณเขตก่อสร้าง ครั้งที่ 1 โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง โดยเริ่มจากสถานีกลันตัน(YL12) บริเวณหน้าธัญญะช้อปปิ้ง พาร์ค สถานีศรีนุช (YL13)  ด้านทิศใต้ของแยกศรีนุช และ สถานีศรีนครินทร์ 38 (YL14)  บริเวณปากซอยศรีนครินทร์ 38

การดำเนินงานครั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามแผนความปลอดภัย ที่จะช่วยให้งานบริหารจัดการควบคุมงานสอดคล้องกับปฏิญญาว่าด้วยความปลอดภัยในการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนของ รฟม.

รฟม. แจ้งปิดเบี่ยงช่องจราจรบนถนนศรีนครินทร์ บริเวณแยกลำสาลี 3 จุด เพื่อดำเนินการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง ตั้งแต่วันที่ 10 – 30 สิงหาคม 2561 เวลา 22.00 น. เป็นต้นไป ตลอด 24 ชั่วโมง

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์  คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง มีความจำเป็นต้องปิดเบี่ยงช่องจราจรบนถนนศรีนครินทร์ บริเวณแยกลำสาลี 3 จุด เพื่อดำเนินการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค ตั้งแต่วันที่ 10 – 30 สิงหาคม 2561 เวลา 22.00 น. เป็นต้นไป ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีรายละเอียดดังนี้

จุดที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 10 – 16 สิงหาคม 2561 (7 วัน) ปิดช่องจราจรบนถนนศรีนครินทร์ ฝั่งขาออก           มุ่งหน้าแยกพัฒนาการ 1 ช่องทางขวา (ชิดเกาะกลาง) ระยะทางประมาณ 40 เมตร ตลอด 24 ชั่วโมง

จุดที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 17 – 23 สิงหาคม 2561 (7 วัน) ปิดช่องจราจรบนถนนศรีนครินทร์ ฝั่งขาเข้า           มุ่งหน้าแยกบางกะปิ 1 ช่องทางขวา (ชิดเกาะกลาง) ระยะทางประมาณ 40 เมตร ตลอด 24 ชั่วโมง

จุดที่ 3   ตั้งแต่วันที่ 24 – 30 สิงหาคม 2561 (7 วัน) ปิดช่องจราจรบนถนนศรีนครินทร์ ฝั่งขาออก มุ่งหน้าแยกพัฒนาการ ช่องทางที่ 2 (นับจากเกาะกลาง) ระยะทางประมาณ 40 เมตร ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ การปิดช่องจราจรเพื่อดำเนินการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค อาจทำให้ผู้ใช้เส้นทางไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง และการดำเนินงานอาจมีเสียงดังรบกวน ดังนั้น หากไม่มีความจำเป็นโปรดหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว รฟม. ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ โดยผู้ใช้เส้นทางสามารถสอบถามรายละเอียดการเบี่ยงจราจร ได้ที่เบอร์โทร 0 2610 4915 และ 09 8257 5555

———————————————————————————-

กองสื่อสารองค์กร สำนักผู้ว่าการ

โทร 0 2716 4000 ต่อ 1720

โทรสาร 0 2716 4019

Email : pr@mrta.co.th